หากพูดถึงหนังเกย์ขึ้นมา หนังเกย์สัญชาติไต้หวันจะถูกนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพราะถ้าวัดกันในแถบเอเชียแล้ว ไต้หวันเป็นประเทศที่ทำหนังเกย์ได้ดีที่สุด (แถมยังผลิตหนังเกย์ออกมาให้คนดูอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ไม่ใช่มาเป็นพักๆ แบบหนังเกย์บ้านเรา) ที่สำคัญหนังเกย์ไต้หวัน มีหลากหลายแนวให้เลือกดู ทั้งโรแมนติก คอมเมดี้ ทั้งชีวิต เครียดขรึม และหนังแบบ coming of age ของคนเป็นเกย์...อย่างง ว่าทำไมมาชวนคุยเรื่องหนังเกย์ มันน่าสนใจตรงไหน นอกจากผู้ชายรักกัน...มันน่าสนใจแน่นอน เพราะหนังเกย์มันมีแง่มุมขัดแย้งของมนุษย์อยู่สูงมาก และน่าศึกษาเป็นที่สุด
เรื่องที่อยากแนะนำ และภูมิใจนำเสนอมากๆ คือ “Eternal Summer” ที่เคยฉายในโรงหนังบ้านเราไปเมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งถ้าหากใครเคยประทับใจกับบทอัศจรรย์ในเต็นท์กลางป่า กลางเขาจากหนังเกย์คาวบอย “Brokeback Mountain” ของ "อั้งลี่" รับรองว่าจะต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว มากกว่า กับบทอัศจรรย์ของคู่พระเอก - นายเอก ในเรื่องนี้
หนังเริ่มเปิดเรื่องในตอนที่ คังเจิ้งฉิง (นายเอก) ในวัยประถม บอกกับตัวเองเมื่อเค้าเห็น หยูโฉ่วเหิง (พระเอก) เพื่อนร่วมชั้นสุดเกเร ที่ชอบแกล้งคนอื่น ว่า ‘เพียงแค่ฉันเห็นนาย ฉันก็รู้แล้วว่านายเป็นคนที่พิเศษ’ แล้วจากนั้นมา เค้าก็เฝ้ามองเพื่อนร่วมชั้นคนนี้อยู่ตลอดเวลาไม่วางตา จนกระทั่ง เจิ้งฉิง ถูกครูประจำชั้นขอร้องให้ช่วยเป็น “เทวดาตัวน้อย” คอยคุ้มครอง โฉ่วเหิง
เนื่องมาจากหมอบอกว่า โฉ่วเหิง เป็นโรคสมาธิสั้น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้าชอบแกล้งเพื่อนอยู่ตลอดเวลา และวิธีที่จะช่วยปรับพฤติกรรมของเค้าได้ ก็คือให้โฉ่วเหิง ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ ได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น....แม้ตอนแรกที่ได้ยินครูขอร้องอย่างนั้น เจิ้งฉิง จะทำหน้าอึ้งๆ เหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ทว่าตั้งแต่นั้นเค้าก็ทำหน้าที่เป็น “เทวดาตัวน้อย” ให้ โฉ่วเหิง ตลอดมา จนกระทั่งทั้งคู่เติบโตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา และเรียนด้วยกันในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
เมื่อโตเป็นหนุ่ม โฉ่วเหิง ที่เคยเกเร และไม่มีใครอยากคบด้วย กลับกลายเป็นดาวของโรงเรียน เพราะเค้าเล่นบาสเกตบอลเก่งมากๆ จนกระทั่งมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งเสนอจะมอบทุนนักกีฬาให้แก่เค้า ขณะที่ เจิ้งฉิง นั้นสนอกสนใจอยู่กับการทำหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน ที่ซึ่งทำให้เค้าได้พบกับ ฮุ่ยเจีย สาวน้อยที่เพิ่งย้ายมาจากฮ่องกง และมีปัญหาครอบครัวแตกแยก.....ฮุ่ยเจีย นั้นประทับใจ เจิ้งฉิง ที่อ่อนโยน และคอยเอาใจใส่ดูแลเธออยู่ตลอดเวลา จนกระทั้งวันหนึ่ง ทั้งคู่โดดเรียนไปเที่ยวไทเปด้วยกัน และเข้าพักในเลิฟโฮเต็ลแห่งหนึ่ง......
และในเลิฟโฮเต็ลแห่งนั้นนั่นเอง เจิ้งฉิง และ ฮุ่ยเจีย เกือบจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่เป็น เจิ้งฉิง ที่ถอนตัวออกมาก่อน ทิ้ง ฮุ่ยเจีย ให้ตกอยู่ในความงุนงง สับสน ไม่เข้าใจว่า เจิ้งฉิง เป็นอะไรไป จนกระทั่งทั้งคู่เจอกันที่โรงเรียนในวันต่อๆ มา ฮุ่ยเจีย ก็ค่อยๆ รับรู้ได้ว่า ที่แท้แล้ว คนที่ เจิ้งฉิง หลงรัก ก็คือ โฉ่วเหิง นั่นเอง !
เจิ้งฉิง หมกหมุ่นและสับสนในความรู้สึกของตัวเองอยู่เกือบตลอดทั้งเรื่อง ส่วน โฉ่วเหิง ก็ได้แต่งง ที่เห็นเพื่อนรักพยายามตีตัวออกห่าง ซึ่งแรกๆ เค้าคิดว่า เจิ้งฉิง โกรธที่เค้าหันไปคบกับ ฮุ่ยเจีย ที่เค้าเข้าใจเอาเองว่า เธอเป็นแฟนเก่าของ เจิ้งฉิง.....และขณะที่อีกคนพยายามผลักไสให้ออกห่าง แต่อีกคนกลับพยายามฉุดรั้งให้เข้ามาใกล้ ในที่สุดความสัมพันธ์ของพวกเค้าก็มาถึงจุดแตกหัก และไม่มีวันกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป.....
โดยส่วนตัวคิดว่า “Eternal Summer” สวยงามกว่า “Brokeback Mountain” ตรงที่มันมีอะไรมากกว่าแค่ความเหงาชั่ววูบ ที่นำพาไปสู่ความสัมพันธ์อันล้ำลึกที่ยากจะลืม แบบที่เป็นไปใน Brokeback ....และนอกจากจะไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบแล้ว ความรักใน “Eternal Summer” ยังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาผ่านกาลเวลา และผ่านการบ่มเพาะอยู่ในขวดแก้วบางๆ เหมือนเชื้อรา ที่แพร่ขยายและสานสายใยเกาะเกี่ยวกันเอาไว้ จนกระทั่งไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ขาดอีกคนหนึ่งไป.....
หนังจบไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก เพราะมันทิ้งอะไรไว้ให้เราตีความมากมาย แต่เรื่องที่ทิ้งไว้ให้ตีความนั้น ก็ไม่ได้ยากเย็นจนเกินเข้าใจ เพราะขอเพียงแค่เราเคยรักใครสักคนอย่างจริงใจ และล้ำลึกมากพอ เราก็จะเข้าใจความรักที่ เจิ้งฉิง มีต่อ โฉ่วเหิง...ความรักที่ โฉ่วเหิง มีต่อ เจิ้งฉิง และ ฮุ่ยเจีย รวมทั้งความรักที่ ฮุ่ยเจีย มีต่อ เจิ้งฉิง ด้วย
และขอบอกเพิ่มเติมด้วยว่า "หนังเกย์" นั้น ไม่ใช่เกย์ก็ดูได้ และเชื่อเถอะว่าดูแล้วจะ "ได้" อะไรกลับมาแน่ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น