วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อดีต สว่าง กระจ่างใส



คุณอาจจะเคยเก็บสะสมชุดนักเรียนเก่าๆ ของลูกเอาไว้เพื่อเตือนให้ระลึกถึงแต่ละช่วงวัยของลูก.... คุณอาจจะเคยเก็บฟันน้ำนมของลูกเอาไว้ดู แล้วทำอย่างกับว่ามันเป็นซากอารยะธรรมของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์....หรือคุณอาจจะเคยเก็บรวบรวมรูปถ่ายเก่าๆ เมื่อสมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็ก หรือเมื่อครั้งพ่อแม่คุณยังเป็นวัยรุ่นอยู่เอาไว้ดูเล่น....แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าสิ่งของเหล่านั้นไม่ใช่แค่เพียงทำหน้าที่เป็นของที่ระลึกในคืนวันเก่าๆ เท่านั้น แต่มันยังทำหน้าที่เหมือนภาชนะที่กักเก็บอดีตเอาไว้ เพื่อรอวันปลดปล่อยออกมาอีกด้วย


“โจนาธาน ซาฟราน ฟอร์” (แสดงโดย "อีไลจาห์ วู้ด") หนุ่มหน้าเอ๋อจากครอบครัวชาวยิวขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ผู้ชอบตามเก็บสะสมทุกสิ่งทุกอย่างของคนในครอบครัวตัวเอง รวมทั้งข้าวของต่างๆ ที่พบเจอตามรายทาง เอาไว้เป็นคอลเลคชั่นส่วนตัว แบบเดียวกับที่บางคนเก็บสะสมโมเดลหุ่นยนต์ หรือโปสเตอร์หนังนั่นแหละ ผิดกันแต่ว่าของที่โจนาธานเก็บสะสมเอาไว้แต่ละอย่างล้วนแล้วแต่เป็นของประหลาดๆ ทั้งนั้น และมักจะเป็นสิ่งที่เจ้าของไม่ต้องการจะใช้อีกแล้ว ของซึ่งคนอื่นคงจะมองว่าเป็นเพียงขยะ อาทิ ถุงยางอนามัยใช้แล้ว.... แผงยาที่กินไม่หมดและน่าจะหมดอายุไปตั้งนานแล้วด้วย... ลูกโป่งยางเก่าๆ เหี่ยวๆ.... เหรียญรางวัลที่เจ้าของของมันคงจะโตเกินกว่าที่จะมานั่งภูมิอกภูมิใจกับชัยชนะเล็กๆ ในวัยเด็กที่ไม่สลักสำคัญอะไรกับเขาอีกแล้ว....โจนาธานเก็บของเหล่านั้นไว้ในถุงพลาสติกใส แล้วติดมันไว้บนฝาผนังห้องจนเต็มไปหมด จนแทบจะมองไม่เห็นแล้วด้วยซ้ำ ว่าผนังห้องๆ นั้นมันเป็นสีอะไรกันแน่



กระทั่ง โจนาธาน ได้รับของสะสมชิ้นใหม่จากย่าผู้ใกล้ตายของเขา เป็นล็อคเก็ตห้อยคอแบบโบราณ และรูปเก่าๆ ซีดเหลืองใบหนึ่งที่คนในภาพเป็นชายหนุ่มผู้มีหน้าตาเหมือนกับตัวเขาเองอย่างกับแกะ ซึ่งย่าบอกกับเขาว่า นั่นคือปู่ของเขาเมื่อตอนหนุ่มๆ สมัยยังอยู่ที่ประเทศยูเครน ในภาพนั้นปู่ของเขายืนอยู่กลางทุ่งหญ้ากับหญิงสาวสวยคนหนึ่งที่ย่าบอกว่า เธอคือผู้ช่วยชีวิตปู่ของเขาให้รอดพ้นจากการถูกนาซีเยอรมันฆ่าตาย จะเปรียบเธอเป็นเหมือนผู้มีพระคุณของครอบครัว “ฟอร์” เลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากรอดตาย ปู่ของเขาก็ได้อพยพลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในอเมริกาดินแดนแห่งโอกาส และมีชีวิตที่สุขสบายจนกระทั่งสิ้นลม



ด้วยความชอบเก็บสะสมข้าวของ และพินิจพิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัว โจนาธาน จึงลองเอาแว่นขยายส่องดูรูปใบนั้นใกล้ๆ อีกครั้ง และก็พบว่าจี้ที่ผู้หญิงในภาพห้อยอยู่ที่คอของเธอ เป็นจี้อันเดียวกับที่อยู่ในมือของเขาซึ่งได้มาพร้อมกันกับรูปใบนั้นนั่นแหละ และเพราะรูปเก่าๆ ใบนั้น กับจี้ปริศนาอันนั้นนั่นเอง ก็ทำให้ชายหนุ่มผู้ใส่แต่เสื้อสูทสีดำสนิท กับแว่นตากรอบดำอันโต และมีทีท่าเหมือนเด็กเนิร์ดอย่างเขา ตัดสินใจเดินทางไปประเทศยูเครน เพื่อตามรอยอดีตของปู่ และตามหาผู้หญิงสาวสวยในภาพคนนั้นที่ย่าบอกว่าเธอชื่อ "ออกุสติน”



แต่การเดินทางตามหาหมู่บ้านที่เคยมีอยู่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจสังคม และการเมืองการปกครองอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เพราะหลังจากขับรถออกจากสถานีรถไฟไปได้สักระยะ โจนาธาน ก็พบว่าหมู่บ้าน “Trachimbrod” ที่ปู่ของเขาเคยอาศัยอยู่นั้น ได้หายไปจากแผนที่ของประเทศยูเครนเสียแล้ว!!...



ทว่าในที่สุด ด้วยความพยายามแบบมั่วๆ ของผู้นำทางซึ่งเป็นเด็กหนุ่มกวนประสาท อายุรุ่นราวคราวเดียวกับโจนาธาน ผู้มาพร้อมกับปู่และหมาเจ้าอารมณ์อีก 1 ตัว... โจนาธาน ก็ได้พบกับ “ใครบางคน” ผู้อาศัยอยู่ในบ้านที่ตั้งอยู่กลางทุ่งดอกทานตะวันอันกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา...ดอกทานตะวันเหล่านั้นเยอะซะจนเหมือนกับว่าเจ้าของบ้านน้อยหลังนั้น กำลังตั้งเรดาร์ตามหาแสงสว่างจากพระอาทิตย์ก็ไม่ปาน... ซึ่งในที่สุดเจ้าของบ้านหลังนั้นก็ได้พบกับแสงสว่างที่ว่านั่น และ โจนาธานนั่นเองที่เป็นผู้นำมันมา




เพราะนอกจากโจนาธานจะตามหาอดีตของปู่ตัวเองจนเจอแล้ว “คน” ที่เขานำมาด้วยยังได้ช่วยปลุกอดีตอันงดงามของ “ใครบางคน” ให้ตื่นขึ้นมารับแสงแดดอันเรืองรองตอนเช้าๆ ไปพร้อมกับดอกทานตะวันอีกด้วย....



/////////////////////////////////



“Everything Is Illuminated” เป็นหนังเล็กๆ ที่สร้างในปี 2005 จากนวนิยายชื่อเดียวกันของนักเขียนหนุ่มชาวอเมริกันเชื้อสายยิว “โจนาธาน ซาฟราน ฟอร์” (ชื่อเดียวกับตัวละครในเรื่อง) โดย “โจนาธาน” ได้รับแรงบันดาลใจในการเขียนนวนิยายเรื่องนี้มาจากการกลับไปค้นคว้าเรื่องราวชีวิตของปู่ตัวเองที่ยูเครนประเทศบ้านเกิดของปู่ ซึ่งมันคงทำให้เขาเกิดจินตนาการถึงมิตรภาพอันสวยงามบางอย่าง ที่ก่อกำเนิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายอันยิ่งใหญ่ของชาวยิว..... “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” นั่นเอง



หนังเคยเข้ามาฉายในบ้านเราเมื่อประมาณ 2- 3 ปีก่อน (ถ้าจำไม่ผิดน่าจะฉายที่ลิโด้) แต่แม้จะนานมากแล้ว และไม่ค่อยมีใครรู้จักมากนัก แต่ก็ยังพอจะหาแผ่นดีวีดีและวีซีดีที่วางขายอยู่ตามร้านใหญ่ๆ และตามกระบะลดราคามาดูได้อยู่ ซึ่งถ้าใครหามันจนเจอและได้ดู ขอบอกว่าแม้คุณอาจจะงงๆ กับเรื่องราวในหนังอยู่บ้าง แต่พอถึงฉากทุ่งดอกทานตะวันที่ว่า มันจะทำให้คุณลืมความงงของหนังไปเลยแหละ...เพราะมันสว่าง กระจ่างใส สมกับชื่อหนังจริงๆ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น